Remote Work คืออะไร? แนวทางการปรับตัวสู่โลกการทำงานยุคใหม่

A woman video calling

ในสมัยที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการใช้ชีวิตของเรา การทำงานระยะไกลก็เริ่มเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายมากขึ้น หลังจากเหตุการณ์โรคระบาด Covid-19 ลดหายไป หลายๆบริษัทที่มีการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานในช่วงนั้น ก็เริ่มให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศมากขึ้น แต่ก็มีอีกหลายบริษัทที่เล็งเห็นประโยชน์ของการทำงานที่บ้านและยังคงวิธีการทำงานแบบนี้อยู่ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการทำงานแบบ Remote working กันครับ

Remote work คืออะไร?

Remote work หมายถึงการทำงานระยะไกลที่ไม่ต้องอยู่ในสถานที่ทำงาน หรือที่คนไทยนิยมเรียกว่า Work from home นั่นแหละ แทนที่จะต้องนั่งทำงานที่ออฟฟิศ พนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมในการสื่อสาร เช่น วิดีโอคอล อีเมล และโปรแกรมการทำงานออนไลน์ต่างๆ

ในสังคมที่เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญอย่างมาก เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของเราได้ การทำงานระยะไกลก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและยังคงมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ดังนั้น เราควรที่จะเตรียมความพร้อมและปรับตัวให้เข้ากับโลกของการทำงานอย่างเหมาะสม หากเราสามารถทำได้ เราก็จะสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จในการทำงานได้อย่างยั่งยืนไปพร้อมกับยังสามารถรักษาคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย

ประโยชน์ของ Remote Work ฝั่งพนักงาน

การทำงานแบบ Remote work มีข้อดีอยู่หลายอย่างที่จะช่วยให้พนักงานมีความสุขในการทำงานและการใช้ชีวิตในช่วงทำงานมากขึ้น

  1. ประหยัดเวลาในการเดินทาง: คนกรุงเทพเสียเวลาไปกับการเดินทางไปกลับเฉลี่ย 2 ชั่วโมงต่อวัน หรือประมาณ 40 ชั่วโมงต่อเดือน หากเราทำงานที่บ้านก็จะได้เวลานี้คืนมา ซึ่ง 40 ชั่วโมงนี่เอาไปทำอะไรได้อีกเยอะเลย
  2. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง: เมื่อมีการเดินทางก็ต้องมีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำมันรถยนต์ส่วนตัว รถเมล์ วินมอเตอร์ไซค์ หรือรถไฟฟ้า ทั้งหมดล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการเดินทางไปทำงานทุกวัน โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3 พันบาทต่อเดือน ทั้งนี้ก็ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำงานที่บ้านด้วย เช่น ค่าไฟ ค่าแอร์
  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน: เนื่องจากบางออฟฟิศมีสิ่งรบกวนหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น หัวหน้าตามงาน เพื่อร่วมงานชวนเม้ามอย หิวชานม และอื่นๆ ทำให้ไม่สามารถโฟกัสในการทำงานได้ การทำงานที่บ้าน หากมีการเตรียมการสภาพแวดล้อมที่ดี ก็จะสามารถช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้น
  4. ลดความเสี่ยง: ในบางกรณีการทำงานระยะไกลสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการระบาดของโรคติดเชื้อ เช่น การระบาดของไวรัสโคโรน่า (โควิด-19) โดยลดการสัมผัสภายนอกสถานที่
  5. เพิ่ม work-life balance: เนื่องจากมีเวลามากขึ้น การทำงานระยะไกลสามารถช่วยให้คนสามารถบริหารจัดการชีวิตส่วนตัวและการทำงานให้มีความสมดุลกันได้มากขึ้น
  6. โอกาสในการทำงานต่างประเทศ: เนื่องจากการทำงานทั้งหมดทำผ่านอินเตอร์เน็ต เราสามารถสมัครและทำงานกับบริษัทต่างประเทศที่อนุญาตให้เราทำงานจากประเทศไทยได้ ทำให้มีโอกาสได้ฐานเงินเดือนที่สูงกขึ้นด้วย

ประโยชน์ของ Remote Work ฝั่งบริษัท

  1. ประหยัดค่าเช่าสำนักงาน: ค่าเช่าสำนักงานถือเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ปัจจุบันหลายบริษัทที่ทำงานแบบ Remote เลือกที่จะเช่าแค่ห้องประชุมเป็นครั้งคราว ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายได้มาก ซึ่งการลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ทางอื่น เช่น สามารถให้ค่าจ้างพนักงานได้มากขึ้น มีสวัสดิการที่ดีขึ้น และอื่นๆ
  2. เข้าถึงพนักงานคุณภาพได้กว้างขึ้น: สถานที่ทำงานถือเป็นเกณฑ์แรกๆในการเลือกบริษัทสำหรับพนักงานหลายคน ทำให้บางครั้งที่พนักงานมีความสามารถอยากทำงานกับบริษัท แต่ติดเรื่องของการเดินทางทำให้ไม่สามารถร่วมงานได้ แต่เมื่อพนักงานสามารถทำงานที่บ้านได้ ทำให้บริษัทสามารถสรรหาพนักงานคุณภาพได้กว้างขึ้น ไม่ใช่แค่พนักงานที่พักใกล้สำนักงานเท่านั้น
  3. สร้างวัฒนธรรมในการสื่อสาร: หากอยู่ในออฟฟิศ เราสามารถเดินไปหาคนที่ต้องการจะคุยงานด้วยที่โต๊ะ แต่พอเป็น Remote เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ จึงเป็นการบังคับให้องค์การสร้างวัฒนธรรมในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีการนัดเวลาคุยงานที่ชัดเจนขึ้น เรื่องที่คุยจัดเจนขึ้น และลดเวลาในการสื่อสารซ้ำซ้อน
  4. สร้างมาตรฐานในการวัดผล: เนื่องจากการทำงานแบบ Remote ส่วนใหญ่จะไม่เห็นหน้ากัน เราจะไม่รู้ว่าพนักงานกำลังทำงานอะไร ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการบังคับให้บริษัทต้องวางเกณฑ์การวัดประสิทธิภาพในการทำงานของพนักงานที่ชัดเจน

ความท้าทายในการทำงานแบบ Remote Work

ถึงแม้ Remote work จะมีประโยชน์มากมายทั้งสำหรับพนักงานและบริษัท แต่ก็มีความท้าทายหลักๆเลยคือการสื่อสารกับเพื่อร่วมงาน เนื่องจากเราไม่สามารถเม้ามอยกับเพื่อในทีมได้อย่างเคย ทำให้ความสัมพันธ์ลดลง และอาจะส่งผลทำให้ขาดความร่วมมือในการทำงาน ด้วยเหตุนี้ทั้งพนักงานและองค์กรควรมีการเตรียมตัวและปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานก่อนที่จะให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้

เคล็ดลับความสำเร็จในการทำงานแบบ Remote Work

การทำงานระยะไกลไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องกับแนวทางการจัดการและความรับผิดชอบ ดังนั้น เพื่อความสำเร็จในการทำงานระยะไกล จำเป็นต้องมีการวางแผนและการปรับตัวที่เหมาะสม ผมจึงรวบรวมแนวทางที่สำคัญดังนี้

สำหรับพนักงาน

  1. เตรียมพื้นที่ทำงาน: เตรียมอุปกรณ์ต่างๆไว้ล่วงหน้า เช่น คอมพิวเตอร์ จอ คีบอร์ด อินเทอร์เน็ต หูฟัง ไมค์ โต๊ะ เก้าอี้ พัดลม จัดโต๊ะทำงานให้พร้อมสำหรับการทำงานให้มากที่สุด จัดที่ทำงาานให้อยู่ไกลจากสิ่งรบกวนต่างๆในบ้าน เช่น ทีวี เตียง ถ้าให้ดีก็ควรแยกห้องทำงานหรือจัดมุมทงานแยกออกมา
  2. สื่อสารกับเพื่อร่วมงาน: การสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญในการทำงานระยะไกล เนื่องจากเราไม่ได้อยู่ในสถานที่เดียวกัน การใช้เครื่องมือสื่อสารออนไลน์อย่างเช่น แชทหรือการประชุมทางออนไลน์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. จัดเวลาพัก: จัดให้มีเวลาพักเหมือนกับตอนที่ทำงานในออฟฟิศ เช่น พักกลางวัน พักดื่มน้ำ หรือออกกำลังกายสั้นๆ
  4. รักษาสมดุลการทำงาน: การรักษาความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อป้องกันความเครียดสะสม ควรมีการกำหนดเวลาให้เพียงพอสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมที่ทำให้ร่าเริงในชีวิตประจำวันด้วย

สำหรับบริษัท

  1. ทดลองแบบ Hybrid:หากบริษัทไม่เคยให้พนักงานลองทำงานที่บ้าน ควรเริ่มจากการทำลองงานก่อน โดยอาจเริ่มจากทำงานที่บ้าน 1 วัน เข้าออฟฟิศ 4 วัน แล้วค่อยๆลดจำนวนวันที่เข้าออฟฟิศลง แบบนี้จะทำให้ทั้งองค์กรและพนักงานปรับตัวเข้ากับการทำงานแบบใหม่ได้ง่ายขึ้น
  2. ตั้งเกณฑ์การวัดผลงาน: หลายบริษัทใช้วิธีวัดผลจากการสังเกต ทำให้การวัดผลงานคลาดเคลื่อนได้ง่ายมาก เช่น หัวหน้าบางคนอาจมองว่าคนที่เลิกงานช้าเป็นคนขยัน แต่จริงๆแล้วอาจเกิดจากการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพก็ได้ เมื่อปรับมาทำงานที่บ้าน เราจะไม่สามารถสังเกตการทำงานของพนักงานได้ จึงต้องตั้งเกณฑ์การวัดผลงานที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น วัดเป็นจำนวนชิ้นงาน ยอดขาย และอื่นๆที่จับต้องได้
  3. กำหนดเวลาการทำงาน: การกำหนดเวลาเข้างานและเลิกงานที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะบริษัทที่พึ่งจะเริ่มสร้างวัฒนธรรมแบบ Remote จัดการประชุมแบบ check-in เช่น ประชุมสั้นๆ ก่อนเริ่มและเลิกงาน
  4. ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม: การใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการทำงานระยะไกล เช่น การใช้งานโปรแกรมสำหรับการประชุมทางออนไลน์ การใช้งานเครื่องมือสำหรับการจัดการงานร่วมกัน เป็นต้น

สรุป

การทำงานแบบ Remote เป็นทางเลือกที่มีความนิยมในวงกว้างในสมัยปัจจุบัน เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด องค์กรและพนักงานควรมีการวางแผนและเตรียมความพร้อมอย่างดีก่อนปรับใช้อย่างเต็มรูปแบบ

แต่ทั้งนี้การทำงานระยะไกลก็ไม่ได้เหมาะกับทุกสถานการณ์ ด้วยธรรมชาติของธุรกิจบางประเภท อาจไม่เหมาะกับการทำงานแบบนี้ นอกจากตัวองค์กรแล้ว พนักงานเองก็อาจไม่เหมาะกับวิธีการทำงานแบบ Remote เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะปรับใช้ ควรมีการทดลองระยะสั้นและวัดประสิทธิภาพของพนักงานก่อนเสมอ

หลังจากเหตุการแพร่โรคระบาด Covid-19 ลดลง ถึงแม้จะมีหลายบริษัทลดและยกเลิกมาตรการทำงานที่บ้าน แต่ก็มีบางบริษัทที่เห็นประโยชน์และเลือกที่จะใช้วิธีการทำงานแบบนี้ต่อไป อีกทั้งบริษัทที่เกิดขึ้นใหม่ก็มีแนวโน้วที่จะทำงานแบบ Remote มากขึ้น รวมถึงตัวพนักงานเองก็เริ่มคุ้นชินกับวิธีการทำงานดังกล่าวและมองหาบริษัทที่รองรับการทำงาน Remote มากขึ้นเรื่อยๆ จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า Remote work จะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตอันใกล้นี้ องค์กรที่สามารถปรับตัวได้ก่อน ก็ได้จะได้ประโยชน์จากเทรนด์นี้

Whether you're a job seeker or business looking to fill a position, our community is the perfect place to find and hire top talent.